สละเวลาแค่ 3 นาที ก็ลดน้ำหนักได้
ลดน้ำหนัก 21 พ.ย 62

หากต้องการลดน้ำหนัก ลดความอ้วน กระชับรูปร่าง สร้างกล้ามเนื้อ สร้างซิกแพค จำเป็นต้องออกกำลังกายร่วมด้วย และใครที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายจริงๆ เรามีเคล็ดลับออกกำลังกายมาแนะนำ เพราะออกกำลังกายแค่ 3 นาที ก็เกิดประสิทธิภาพเท่าแบบครึ่งชั่วโมง!!
ออกกำลังกายแบบไหน ถึงเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด?
- แบบที่ใช้เวลานาน (ใช้ออกซิเจน) เน้นการออกกำลังอย่างต่อเนื่อง มักเป็นการออกกำลังกายที่ไม่รุนแรง อย่างเช่น เต้นแอโรบิก, แบตมินตัน, ว่ายน้ำ, วิ่งเหยาะๆ, ปั่นจักรยาน, กระโดดเชือก ฯลฯ
- แบบที่ร่างกายได้ทำงานอย่างหนักในช่วงเวลาสั้นๆ (ไม่ใช้ออกซิเจน) ซึ่งร่างกายจะใช้ออกซิเจนเท่ากัน อย่างเช่น วิ่งระยะสั้น ยกน้ำหนัก เทนนิส ฯลฯ แน่นอนว่าผลลัพธ์ของความเฟิร์ม รวมถึงประโยชน์ต่อสุขภาพก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกันด้วย นอกจากนี้มันยังช่วย “เผาผลาญไขมันได้ในระดับสุดยอด”
ออกกำลังกาย 3 นาทีอย่างไร ให้เหมาะสมกับตัวเอง?
การออกกำลังกายแค่ 3 นาทีนี้ ใช้เวลาแค่ 3 นาทีจริงๆ (ท่าละประมาณ 30 วินาที) จะช่วยให้หัวใจเต้นแรง ได้ใช้พลังงานอย่างเต็มที่ และทำให้โครงสร้างปอดแข็งแรงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการฝึกที่หนักเอาการ จึงแบ่งระดับความยากออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ระดับอ่อนหัด วิธีนี้ค่อนข้างเหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน เรียกได้ว่า เป็นเลเวลเด็กๆ ซึ่งแนะนำว่า หากใครร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ อย่ารีบข้ามเลเวล เพราะจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้
- หมุนแขนเป็นวง (30 วินาที)
- วิดพื้นโดยใช้เข่านาบพื้น (30 วินาที)
- ยืดแขนเหนือศรีษะ (30 วินาที)
- ยกตัวขึ้นโดยใช้แขน และเท้าค้ำไว้ (30 วินาที)
- วิดพื้นโดยใช้เข่านาบพื้นอีก (30 วินาที)
- ระดับคนอยากหุ่นเฟิร์มเร็ว ระดับนี้เหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ และร่างกายมีความฟิตพอสมควร เพราะแต่ละท่าจะมีการเพิ่มระดับความยากขึ้น
- หมุนแขนเป็นวง (30 วินาที)
- วิดพื้นแบบไม่เอาเข่านาบ (30 วินาที)
- ยืดแขนเหนือศรีษะและนั่งยองๆ (30 วินาที)
- ลุกนั่งโดยใช้มือค้ำยันกับโต๊ะ (30 วินาที)
- วิดพื้นอีก (30 วินาที)
- ยกดัมเบลในมุมที่ตั้งฉาก 90 องศา (30 วินาที)
- ระดับคนเหล็กเขาทำกัน ระดับสุดยอดนี้ เป็นท่าที่เหมาะสำหรับคนเหล็กที่เคร่งครัดในการออกกำลังกายสุดๆ ท่าเหล่านี้ ต้องอาศัยวินัย และร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่าเช่นกัน
- วิดพื้นและปรบมือไปด้วย (30 วินาที)
- วิดพื้นท่าปกติเข่าห้ามติดพื้น (30 วินาที)
- ลุกนั่งโดยใช้มือค้ำยันกับโต๊ะ (30 วินาที)
- วิดพื้นและปรบมือไปด้วย (30 วินาที)
- วิดพื้นโดยใช้มือประสานกัน (30 วินาที)
- วิดพื้นโดยยกเท้าไปชิดติดกำแพง (30 วินาที)
รับประทานอาหารแบบไหน เหมาะกับคนที่ลดน้ำหนัก?
ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับเจ้า แคลอรี่ (Calorie) กันก่อน ซึ่งเจ้า แคลอรี่ ก็คือหน่วยในการวัดพลังงานที่เรามักจะเห็นได้จากฉลากที่อยู่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ มีจุดประสงค์เพื่อไว้ปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป เนื่องจากว่าร่างกายของเราต้องการพลังงาน โดยสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย ได้แก่
- คาร์โบไฮเดรต จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ / กรัม เท่ากับโปรตีน
- โปรตีน จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ / กรัม
- ไขมัน จะให้พลังงานสูงสุด คือ 9 กิโลแคลอรี่ / กรัม (ให้พลังงานเป็นสองเท่าของโปรตีน หรือคาร์โบไฮเดรต)
ซึ่งร่างกายของคนเรานั้น โดยปกติปริมาณของแคลอรี่ที่ควรบริโภคต่อวัน ประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ แต่สำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนัก หรืออาจต้องใช้พลังงานมาก ก็สามารถบริโภคได้มากกว่า 2,000 กิโลแคลอรี่ตามความหนักของงานที่ที่ต้องทำ แต่หากต้องการลดน้ําหนัก ต้องเข้าใจถึงเรื่องพลังงานในอาหาร การนับแคลอรี่ และการบริโภคอาหารในแต่ละมื้อสำหรับคนทั่วไปก็ไม่ควรเกิน 600 กิโลแคลอรี่ หากทำได้ตามนี้บอกเลยว่าการ ลดความอ้วน ไม่ยากเลย!!
3 สูตรอาหารสำหรับคนลดน้ำหนัก
สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เพื่อให้ร่างกายได้ดึงพลังงานจากอาหารมาใช้งานอย่างเต็มที่ และไม่หนักต่อร่างกาย ดังนั้น คุณต้องเลือกระดับสูตรอาหารลดน้ำหนักให้เหมาะสมกับตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
- สูตรเบสิก
- มื้อเช้า : โจ๊กไก่ใส่ไข่ + เวย์โปรตีน ช่วยทำให้อิ่มท้องเร็วขึ้น อิ่นนาน ลดอาการอยากอาหาร
- เที่ยง : ต้มจืดแบบไม่ปรุงรส พร้อมข้าว1 จาน งดพิเศษ
- เย็น : เน้นผัก ผลไม้ อย่างสลัด มีอกไก่ย่างหรืออบไม่ติดมัน 100 กรัมก็พอ + เวย์โปรตีน เพิ่มพลังงานให้ร่างกาย จะได้ไม่หิวในช่วงกลางคืน
- สูตรฟิตหุ่นเร็ว
- มื้อเช้า : โจ๊กไก่ + เวย์โปรตีน ช่วยทำให้อิ่มท้องเร็วขึ้น อิ่นนาน ลดอาการอยากอาหาร
- เที่ยง : อาหารคลีน เน้นผัก ผลไม้ อกไก่ 100 กรัม
- เย็น : ผลไม้หวานน้อยอย่าง แอปเปิ้ลเขียว แอปเปิ้ลแดง + เวย์โปรตีน ช่วยทำให้อิ่มท้อง อิ่นนาน ลดอาการอยากอาหาร
- สูตรโหดนะ
- มื้อเช้า : ซีเรียลธัญพืช + เวย์โปรตีน ช่วยทำให้อิ่มท้องเร็วขึ้น อิ่นนาน ลดอาการอยากอาหาร
- เที่ยง : ข้าวไข่ต้ม 2 ฟอง เสริมด้วยเวย์โปรตีน
- เย็น : ผลไม้หวานน้อยแอปเปิ้ลเขียว แอปเปิ้ลแดง (บางวันไม่กิน) + เวย์โปรตีน ช่วยทำให้อิ่มท้อง อิ่นนาน ลดอาการอยากอาหาร
กระเจี๊ยบเขียว สมุนไพรที่มีส่วนช่วยลดน้ำหนัก
ในยุคที่อะไรๆ ก็รีบเร่งไปหมด บางทีตื่นเช้ามาต้องรีบไปทำงาน ทำให้หลายคนไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปซื้ออาหารเช้า หรือทำอาหารเช้าด้วยตนเอง รวมไปถึง ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ซึ่งวันนี้จะมาแนะนำพืชผักที่ดีต่อร่างกายและสามารถทานสดๆได้“กระเจี๊ยบเขียว” พืชล้มลุก เป็นได้ทั้งพืชสมุนไพร มีสรรพคุณทางยา สามารถทานสดๆ ก็ได้และใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร หลายครัวเรือนนิยมนำมาทำเป็นเมนูอาหารแสนอร่อยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กระเจี๊ยบเขียวผัดไข่ กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอด กระเจี๊ยบเขียวยัดไส้หมูสับนึ่ง กระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียวผัดกะปิ หรือเมนูง่ายกระเจี๊ยบเขียวต้มจิ้มน้ำพริก นอกจากช่วยสร้างสารอาหารให้แก่ร่างกาย ยังช่วยให้รูปร่างกระชับ ลดคอเลสเตรอรอลในร่างกายได้อีกด้วย
ชาวญี่ปุ่นนิยมทานกระเจี๊ยบเขียวกันมาก นำไปประกอบอาหารต่างๆ สารพัดเมนู ตลอดจนเวียดนามยังเสิร์ฟกระเจี๊ยบเขียวให้มาย่างทานกันสดๆ อีกด้วย ไม่ใช่แค่รสชาติที่ดี แต่เป็นเพราะสรรพคุณเจ๋งๆ ของกระเจี๊ยบเขียวนี่แหละ ที่ทำให้ใครต่อใครต่างหามาทานกันมากมาย
ประโยชน์ของ “กระเจี๊ยบเขียว”
- ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และคนที่กำลังควบคุมน้ำตาล – น้ำหนัก
- ลดอาการท้องผูก เพราะมีเมือกที่ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวขึ้น และยังมีใยอาหารที่ดีต่อการขับถ่าย
- ลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
- ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะอาหาร เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ และลำอักเสบได้
- ใครที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่ แล้วการทานกระเจี๊ยบเขียวพร้อมเมือกเหนียวๆ ใสๆ จะช่วยเข้าไปเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
- กระเจี๊ยบต้มเกลืออ่อนๆ ช่วยแก้อาการกรดไหลย้อนได้
- กระเจี๊ยบเขียว มีโฟเลตสูง ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง และเป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้น จึงเหมาะกับหญิงมีครรภ์