เวย์โปรตีนคุณภาพสูง ยอดขายอันดับ 1 ของประเทศ | ติดตามเราบน

ภาษาไทย | English สมัครสมาชิก | เข้าสู่ระบบ

ออกกำลังกายเพิ่มภูมิคุ้มกัน ได้รูปร่างสวยงาม

สุขภาพ 21 พ.ย 62



ออกกำลังกายเพิ่มภูมิคุ้มกัน เริ่มเกิดขึ้นเมื่อเราอยู่ในท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย บางวันแดดแรง บางวันฝนตก หรือบางวันไม่มีฝน ไม่มีลมพัด มีแต่ความร้อนจากพระอาทิตย์เท่านั้น แต่เราจะไปทะเลาะกับสภาพอากาศไม่ได้!! ทำได้แค่ดูแลสุขภาพร่างกายของเราเอง

ทำไมต้องออกกำลังกายเพิ่มภูมิคุ้มกัน?

สำหรับคนทำงานเช้า-กลับเย็น และชอบที่ใช้ชีวิตเร่งรีบในแต่ละวัน ก็อาจละเลยการดูแลตัวเองได้ง่ายมาก เผลอนิดเดียวโรคภัยไข้เจ็บถามหา และสิ่งที่จะเพิ่มภูมิคุ้มให้แก่ร่างกายนั่นก็คือ การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำกัน นอกจากภูมิคุ้มดีขึ้นแล้ว ยังทำให้รูปร่างดี สดชื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงด้วย การออกกำลังกาย ทำให้หัวใจของเราก็จะแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้การหมุนเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น ปอดทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปตามส่วนต่างๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

ระบบภูมิคุ้มกัน มีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ เมื่อเราออกกำลังกายทุกวัน ถือเป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของเลือดโดยรวม ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาว (WhiteBloodCell) ถูกหมุนเวียนไปยังเซลล์ทั้งร่างกาย และทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาว มีความสามารถในการเก็บกินสิ่งแปลกปลอมมากขึ้น

 

ออกกำลังกายแค่ไหนถึงจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

ออกกำลังกายที่อยากแนะนำคือ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เป็นการออกกำลังกายแบบต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นระบบหัวใจ สามารถทำได้หลายวิธี เช่น วิ่ง หรือการปั่นจักรยานแบบง่ายๆ

แต่ทั้งนี้ คุณต้องสลับกับการเล่นเวทเทรนนิ่ง เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ทั้งระบบหัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อด้วย เมื่อเราทำสม่ำเสมอนอกจากช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายได้แล้ว ยังส่งผลให้นอนหลับง่าย สดชื่น สมองปลอดโปร่ง ลดความเครียดสะสม แถมยังลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ในระยะยาว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และภาวะน้ำหนักเกิน เป็นต้น

  • ระยะเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับคนทั่วไป ควรออกกำลังกายหนักปานกลาง 30 นาที / สัปดาห์ หรือ30 นาที / วัน ใน 1 สัปดาห์ ควรออกกำลังกายทั้งหมด 5 วัน สามารถออกกำลังกายครั้งละ 10 นาทีแล้วพัก และทำต่อในรอบที่ 2 และ 3 อย่างละ 10 นาที รวม 30 นาทีก็ได้
  • ระยะเวลาออกกำลังกายสำหรับนักกีฬา นักเล่นกล้าม ควรออกกำลังกายหนัก 1 ชั่วโมง 30 นาที / สัปดาห์หรือ 20 นาที 3 ครั้ง / สัปดาห์

ข้อควรระวัง!! ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมเกินกำลัง เพราะร่างกายที่เหนื่อยล้าถึงขีดสุด จะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันลดต่ำลง เกิดความเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อ กระดูก ตลอดจนเจ็บป่วยง่ายกว่าเดิมอีก


เลือกรับประทานอาหาร = สร้างภูมิคุ้มกัน

การกินอาหารครบ 5 หมู่ และกินอาหารครบ 3 มื้อ เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน จะช่วยเสริมภูมิต้านทานได้อีกทางหนึ่ง แต่ควรกินอาหารในสัดส่วนที่พอเหมาะแก่ร่างกาย ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อน้ำหนักตัว ทำให้อ้วน และเกิดโรคภัยอีกสารพัด ส่งผลต่อเรี่ยวแรงการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

สุขภาพดีไม่ได้แปลว่า ต้องผอมเสมอไป ถ้าหากเราสามารถจัดการกับความเครียด ตั้งสติ ทำสมาธิ ทำกิจกรรมที่ชอบ ออกไปพบปะเพื่อนฝูง หรือการออกกำลังกายก็ช่วยได้เช่นกัน

8 อาหารช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

เมื่อพูดถึงการเพิ่มภูมิคุ้มกันในเรื่องอาหารแล้ว เรามีชนิดพืช ผัก ที่ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้นมาแนะนำ ยิ่งออกกำลังกายควบคู่ไปกับการกินอาหารที่มีประโยชน์ สุขภาพของคุณจะมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง ร่างกายแข็งแรง รูปร่างสวยงาม

ผลไม้ตระกูลซิตรัส

ไม่ว่าจะเป็น เลมอน ส้มแมนดาริน เกรปฟรุต ส้ม และผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่อยู่ในตระกูลซิตรัสถือเป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพราะผลไม้เหล่านี้ อุดมไปด้วยวิตามินซี ทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ ป้องกันการเกิดโรคทางเดินหายใจ และเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น

ผลไม้สีแดง

ไม่ว่าจะเป็น มะเขือเทศ พริก สตรอว์เบอร์รี เชอร์รี แตงโม แอปเปิ้ลแดง ราสเบอร์รี ฯลฯ เป็นผลไม้ที่มีสีแดงอุดมไปด้วยแคโรทีน และวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง อีกทั้ง ยังมีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด มีสารทำความสะอาดช่วยกำจัดสารพิษที่สะสมในร่างกาย และยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด กระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ด้วย


หัวหอม

หัวหอม เป็นผักทางเลือกจากธรรมชาติ ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ และเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพราะว่าหัวหอมมีสารที่ช่วยทำความสะอาด และสารฆ่าเชื้อ ต่อสู้กับโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคติดเชื้อ และปัญหาที่เกิดในระบบทางเดินอาหารได้

อาหารที่มีธาตุเหล็ก

ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้แห้ง ผักใบเขียว อาหารทะเล ปลา ไก่ องุ่น ฯลฯ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย มีธาตุเหล็กสูง ช่วยรักษาและป้องกันโรคโลหิตจาง ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการอ่อนเพลีย ต่อต้านอนุมูลอิสระ และเติมพลังให้แก่ร่างกาย


เห็ด

เห็ด หลายคนรู้อยู่แล้วว่า เป็นอาหารที่ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน มีสารต้านแบคทีเรีย และสารต้านไวรัส นอกจากนี้ เห็ดยังมีธาตุโพแทสเซียมสูง ซึ่งสามารถช่วยควบคุมของเหลวในร่างกาย ทำให้ความดันโลหิตสมดุล และเร่งกระบวนการเผาผลาญ 


กระเทียม 

กระเทียม วัตถุดิบที่อยู่ในเมนูอาหารหลากหลายรายการ เป็นพืชที่มีกลิ่นฉุน แต่มีประโยชน์มากมาย เพราะกระเทียมมีสารต้านแบคทีเรีย และสารต้านไวรัส ล้วนแต่จำเป็นต่อการเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง อีกทั้ง ยังมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบหายใจ และเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวในเลือด ไม่เพียงเท่านี้ กระเทียมเป็นแหล่งของเอนไซม์ สารแอนตี้ออกซิเด้นท์ โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ซิงก์ และแคลเซียม

อาหารที่มีวิตามินอีสูง

ไม่ว่าจะเป็น อะโวคาโด ถั่วเหลือง พาสลีย์ เมล็ดทานตะวัน มะละกอ น้ำมันมะกอก จมูกข้าวสาลี ถั่วอัลมอนด์ ฯลฯ เป็นสารอาหารที่มีความโดดเด่น เพราะมันเป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ที่ทรงพลัง และที่สำคัญ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการทานอาหารที่มีวิตามินอีทุกวัน ช่วยปกป้องคุณจากโรคหัวใจ การสูญเสียการมองเห็น ช่วยเยียวยาบาดแผล ดูแลผิว ป้องกันริ้วรอย จุดด่างดำ หรือสิว และทำให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง


น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง นอกจากความหวานที่แสนอร่อยแล้ว ยังมีแหล่งของสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ ช่วยบรรเทาอาการไอ ดูแลปอด ทำให้คอไม่แห้ง และช่วยกำจัดเสมหะ ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยในการย่อยอาหาร และเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

  

เป็นอย่างไรบ้าง กับวิธีการเพิ่มภูมิคุ้มกันที่แนะนำไป ทั้งเรื่องของการออกกำลังกาย การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ถ้าพวกคุณทำได้ ไม่เพียงแต่ร่างกายได้รับภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเท่านั้น ยังทำให้สุขภาพร่างกาย ตลอดจนรูปร่างดูดี ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บแน่นอน

บทความอื่น ๆ

สนใจรับเคล็ดลับลดน้ำหนัก เพิ่มกล้าม เพิ่มเติมได้ที่

Facebook : WHEYWWL

Instagram : wheywwl

Twitter : WheyWWL Official

Youtube : WHEYWWL Official