สมุนไพรไทย ตัวช่วยลดน้ำหนักที่หลายคนไม่เคยรู้
อาหาร 6 พ.ย 63
“สมุนไพรไทย” คือพืชพักไทยๆ หาง่าย ราคาถูก เป็นเรื่องที่เราทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า สมุนไพรมีคุณประโยชน์หลากหลาย ทั้งบำรุงสุขภาพเป็นยาอายุวัฒนะ หรือ รับประทานเป็นยารักษาโรคต่างๆมากมาย ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่หนึ่งสิ่งที่คนไม่ค่อยรู้ คือ มีสมุนไพรไทยหลากหลายตัวมากที่มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก
เรามาดูกันเลยดีกว่า ว่ามีสมุนไพรตัวไหนกันบ้างที่เราจะนำมาใช้คู่กับการลดน้ำหนักของเราได้บ้าง เผื่อเราจะได้ใช้สมุนไพรเหล่านี้แทน อาหาร เสริมแพงๆ นอกจากจะมีหุ่นสวย สุขภาพดี น้ำหนักลดแล้ว ยังประหยัดเงินได้อีกด้วยนะ
พริกไทยดำ
มีรสชาติเผ็ดร้อน กลิ่นหอมฉุนเป็นเอกลักษณ์ พริกไทยดำจะช่วยชะลอการทำงานของเซลล์ไขมัน และยังทำการกำจัดเซลล์ไขมันเก่าในร่างกาย พร้อมกับควบคุมการเกิดของเซลล์ไขมันใหม่ นอกจากนั้น ยังช่วยในเรื่องของ การกระตุ้นระบบเผาผลาญ ทำให้ผอมลง และกลับมาอ้วนยากขึ้น
ข้อควรระวัง : ไม่ควรรับประทาน เกิน 1.5 กรัม/วัน ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้มีโอกาสเกิดมะเร็ง และไม่ควรรับประทานคู่กับยาลดความดันโลหิต และยารักษาโรคหัวใจ
ส้มแขก
เป็นสมุนไพรที่นิยมปลูกในทางภาคใต้ เช่น ปัตตานี ตรัง ยะลา รสชาติเปรี้ยวจัด โดยส่วนใหญ่แล้วคนใต้มักนำมาประกอบอาหารที่ต้องการรสเปรี้ยว ช่วงแรกๆของการรับประทานส้มแขกจะทำให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้น เนื่องจาก ส้มแขกมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (HCA) ซึ่งมีสรรพคุณในการเร่งระบบการเผาผลาญ แต่เมื่อรับประทานไปนานๆ จะทำให้ลดความอยากอาหาร และช่วยให้ไม่รู้สึกหิว ซึ่งกระบวนการนี้อาจกินเวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์ นอกจากนั้น ส้มแขกยังช่วยในการนำเอาไขมันที่สะสมในร่างกายมาใช้ ทำให้ร่างกายมีการสะสมไขมันตามส่วนต่างๆน้อยลง ช่วยให้น้ำหนักลด โดยเฉลี่ยแล้ว น้ำหนักจะลดประมาณ 1 กิโลกรัม ภายใน 3-4 อาทิตย์
ข้อควรระวัง : การรับประทานส้มแขกมากจนเกินไปอาจส่งผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร
ดอกคำฝอย
เป็นสมุนไพรที่พบได้มาก ในภาคเหนือของประเทศไทย มีกลิ่นหอม นิยมนำมาต้มดื่มเหมือนชา ดอกคำฝอยอุดมไปด้วยกรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) ซึ่งจะช่วยขับไขมันในเลือดออกทาง ปัสสาวะ และอุจจาระ โดยอัตราส่วนของการใช้ดอกคำฝอยในการลดน้ำหนัก คือ ดอกคำฝอย 5 กรัมชงกับน้ำร้อน ดื่มก่อนอาหารเช้า และอาหารเย็น
ข้อควรระวัง : สตรีมีครรภ์ห้ามใช้ เนื่องจาก ดอกคำฝอยจะช่วยขับประจำเดือน และการหดตัวของมดลูก อาจทำให้แท้งลูกได้
พริก
ภายใต้รสชาติอันเผ็ดร้อนของพริก ประกอบไปด้วย ความสามารถในการช่วยคุมน้ำหนัก ลดไขมันโดย มีสารแอสคอร์บิก (Ascorbic) ที่จะช่วยเร่งกระบวนการเปลี่ยนไขมันไปเป็นพลังงาน และยังมี สารแคปไซซิน (Capsaicin) คอยช่วยลดปริมาณการรับประทานอาหารได้ด้วย (เฉลี่ยลดลงประมาณ 200 kcal) สำหรับคนที่ทานเผ็ดไม่ได้ ก็สามารถทานในรูปแบบแคปซูลได้
ข้อควรระวัง : การรับประทานพริกเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักให้ได้ผลนั้นต้องมีความเผ็ดพอสมควรทีเดียว แต่การรับประทานพริกในปริมาณมากจนเกินไป อาจส่งผลให้ อาการแสบร้อนในช่องปาก และเกิดบาดแผลในกระเพาะอาหาร ควรทานในปริมาณที่ร่างกายรับได้เท่านั้น
ขมิ้นชัน
ผงสีเหลืองๆที่ส่วนใหญ่เราจะเห็นในการนำมาเพิ่มสีสันให้อาหาร หรือนำมาใช้บำรุงหรือขัดผิวนั้น ยังมีคุณสมบัติอย่างอื่นอีก ขมิ้นชันนั้นสามารถเพิ่มไขมันดี (HDL) ให้ร่างกาย และลดไขมันเลว (LDL) ในร่างกาย เนื่องจากขมิ้นชันนั้นมี สารไฟโตสเตอรอล (Phytosterol) ที่จะเข้าไปยับยั้งการดูดซึมไขมันหรือคอเลสเตอรอลของร่ายกาย ขมิ้นชันนับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าการทานยาลดไขมันอย่างแน่นอน สำหรับคนที่ไม่ชอบในรสชาติของขมิ้น แนะนำให้ทานในรูปแบบแคปซูล
ข้อควรระวัง : หากรับประทานขมิ้นชันมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการแพ้ และผลข้างเคียงของอาการแพ้ อาจเกิดขึ้นได้หลายแบบ เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ หรือ ปวดหัว
กระเจี๊ยบแดง
สมุนไพรสีแดง รสชาติเปรี้ยว ที่นิยมนำมาทำเป็นเมนูเครื่องดื่มนั้น ถูกวิจัยว่าสามารถลดไขมันในเลือดได้ดี หากบริโภคสารสกัดจากกระเจี๊ยบแดงขนาด 1,000 มก./วัน ต่อเนื่อง 3 เดือน จะสามารถลดไขมันเลว(LDL)ได้ แต่หากทานติดต่อกันมากกว่า 4 เดือนขึ้นไป จะสามารถลดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง : กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์เป็นยาระบาย อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย
ขิง
ขิงช่วยเรื่องการเพิ่มอัตราของกระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism) ในร่างกาย ช่วยในการลดน้ำหนัก เนื่องจาก ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน เมื่อรับประทานเข้าไป จึงเพิ่มความร้อนในร่างกาย มีผลต่อการเผาผลาญพลังงาน และสลายไขมันที่สะสมอยู่ภายในร่างกาย นอกจากนั้น การรับประทานสารสกัดจากขิงจะทำให้ลดความอยากอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องการคุมน้ำหนักได้ด้วย ขิงจึงสมุนไพรที่เหมาะสำหรับผู้ต้องการลดน้ำหนักมากชนิดหนึ่งเลย โดยที่นิยมที่สุด คือการนำไปทำเป็น น้ำขิง ไว้จิบระหว่างวัน
ข้อควรระวัง : เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ร้อน หากรับประทานมากจนเกินไปอาจเกิดอาการร้อนใน และผู้ที่ต้องใช้ยาละลายลิ่มเลือด ไม่ควรรับประทาน
กะเพรา
เป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมในการนำไปปรุงอาหารหลากหลายเมนู ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ เมนูสิ้นคิดของคนไทย ข้าวผัดกะเพรา ใส่เนื้อสัตว์ต่างๆนั่นเอง แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า ใบกะเพรามีสรรพคุณช่วยในลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด โดยการขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย แถมยังช่วยในเรื่อง การรักษาโรคเบาหวาน,ลดความดันโลหิตได้อีกด้วย โดยปริมาณที่เหมาะสมในการรับประทานกะเพราให้เห็นผล ควรจะทานในปริมาณ 2 กรัมต่อน้ำหนักตัว เช่น คนที่น้ำหนัก 60 กก.ก็ควรรับประทานให้ได้วันละ 120-130 กรัม (60x2=120)
ข้อควรระวัง : กะเพรามีฤทธิ์ร้อน หากทานมากจนเกินไปอาจทำให้เกิดอาการร้อนในได้
ลูกสำรอง
เป็นสมุนไพรที่มีอยู่มากในภาคตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดจันทบุรี มีชื่อเรียกหลากหลาย ไปตามพื้นที่ท้องถิ่นต่างๆ เช่น บักจอง หมากจอง ฮวงไต้ไฮ้ แต่มีอีกหนึ่งชื่อที่นิยมเป็นอย่างยิ่ง คือ “พุงทลาย”เนื่องจาก เมื่อนำลูกสำรองไปแช่น้ำ เนื้อหุ้มเมล็ดจะพองออก ดูคล้ายวุ้นสีน้ำตาล ที่ทลายออกมาจากเมล็ด และปัจจุบันลูกสำรองได้รับความนิยมอย่างมากในการนำมารับประทานเพื่อลดน้ำหนัก ด้วยคุณสมบัติที่สามารถพองตัวในน้ำได้ดี ช่วยให้อยู่ท้อง และยังช่วยดูดซับไขมันส่วนเกินในร่างกายและกำจัดออกผ่านทางอุจจาระ
ข้อควรระวัง : สำรองจะมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของเมล็ดเลือดขาว การรับประทานในจำนวนมากเกินไปหรือต่อเนื่องกันนานเกินไป อาจจะเกิดโทษได้
สมุนไพรเหล่านี้ ช่วยลดน้ำหนักได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถึงบางตัวอาจจะดูทานยากไปสักหน่อย แต่ยังไงก็สามารถนำไปประยุกต์ได้หลากหลายเมนูแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ลองเปิดใจ และนำไปทำกันดู อาจได้เมนูประจำตัวไว้รับประทานในช่วงลดน้ำหนัก แต่อย่าลืมศึกษาเรื่องผลข้างเคียงของสมุนไพรแต่ละตัวกันด้วยนะ
ส่อง 10 อาหารในซุปเปอร์ที่ช่วยลดน้ำหนัก!
กินอาหารหลากสี มีข้อดีหลากหลาย!
9 วิธีเลือกกิน ช่วงก่อนออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก เพิ่มกล้ามเนื้อ!