ผู้ชาย VS ผู้หญิง ใครลดน้ำหนักยากกว่ากัน?
ลดน้ำหนัก 27 พ.ย 63
หนึ่งในคำถามโลกแตกของคนที่เริ่มลดน้ำหนักหลายๆคนต้องเคยสงสัยอย่างแน่นอน ว่าผู้ชายกับผู้หญิงใครลดน้ำหนักได้ยากกว่ากัน ปัจจัยที่จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้สำเร็จก็มีมากมาย ความแตกต่างทางเพศจะเป็นสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการลดน้ำหนักด้วยหรือไม่ แล้วความได้เปรียบเสียเปรียบนั้นมีอะไรบ้าง
สิ่งที่สำคัญของการลดน้ำหนัก คือ การควบคุมและเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกาย ยิ่งเราทำ 2 สิ่งนี้ได้ดีแค่ไหน ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักมากขึ้นเท่านั้น ถึงจะดูโหดร้ายไปสักหน่อย แต่ก็เป็นความจริงที่สาวๆต้องยอมรับว่า”ผู้ชายสามารถลดน้ำหนักได้ง่ายกว่าผู้หญิง” มีอยู่ 2 คุณลักษณะที่ช่วยสนับสนุนการลดน้ำหนักของผู้ชายและทำให้การลดน้ำหนักเป็นเรื่องยากมากขึ้นสำหรับผู้หญิง
1.ลักษณะทางกายภาพ
- มวลกล้ามเนื้อ
เมื่อวัดกันแบบปอนด์ต่อปอนด์แล้ว ผู้ชายจะมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่าผู้หญิงเกือบ 2 เท่า ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานมากกว่า และทำให้ผู้ชายมีความแข็งแรงมากกว่า ส่วนผู้หญิงที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อยกว่าก็จะมีการเผาผลาญพลังงานที่น้อยกว่า จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุให้ลดน้ำหนักได้ยากกว่า - มวลไขมัน
ผู้ชายและผู้หญิงมีมวลไขมันในร่างกายไม่เท่ากัน โดยธรรมชาติ ผู้ชายจะมีมวลไขมันน้อยกว่าผู้หญิง ผู้ชายจะมีมวลไขมันอยู่ประมาณ 15% ของร่างกาย ขณะที่ผู้หญิงมีมวลไขมันถึง 25% - พลังงานที่ร่างกายต้องการ
ผู้ชายสามารถรับประทานได้มากกว่าผู้หญิง(โดยไม่อ้วน) เนื่องจากความได้เปรียบทางสรีระ ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตกว่าทำให้ร่างกายต้องการพลังงานมากกว่า โดย พลังงานที่ผู้ชายต้องการใช้ต่อวัน คือ 1,800-2,000 kcal ส่วนผู้หญิงที่มีร่างกายที่เล็กกว่าก็ย่อมต้องการพลังงานน้อยกว่า โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500-1,800 kcal แปรผันตามสัดส่วนไขมันส่วนเกินในร่างกายและกิจกรรมในแต่ละวัน - ฮอร์โมน
ผู้ชายนั้นจะมีฮอร์โมนเพศชายหรือ เทสโทสเทอโรน(Testosterone) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และช่วยชะลอการเกิดใหม่ของเซลล์ไขมัน ในทางกลับกัน ผู้หญิงจะมีฮอร์โมนเพศหญิงหรือ เอสโตรเจน(Estrogen) มากกว่าผู้ชาย ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้มีหน้าที่ในการกระตุ้นเซลล์ไขมัน ควบคุมการสร้างคอเลสเตอรอล และเปลี่ยนสารอาหารเป็นไขมันเพื่อสะสมเอาไว้ในร่างกาย ยาคุมกำเนิดก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้เอสโตรเจนมีปริมาณมากขึ้น ยิ่งมีปริมาณเอสโตรเจนมาก ก็จะยิ่งเกิดการสะสมของไขมันในร่างกายมากขึ้น เป็นตัวการของความอ้วน ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ผู้หญิงเสียเปรียบในการใช้ฮอร์โมนในร่างกายเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก - บริเวณที่ไขมันสะสม
ผู้ชายกับผู้หญิงนั้นมีตำแหน่งไขมันสะสมอยู่ในบริเวณที่ต่างกัน ผู้ชายมักจะมีไขมันสะสมบริเวณท้อง ส่วนผู้หญิงมักจะสะสมบริเวณสะโพก ต้นขา หรือบั้นท้าย ทำให้มองเห็นผลชัดเจนน้อยกว่าผู้ชายเมื่อน้ำหนักลง
2.ลักษณะนิสัย
- ติดของหวาน
อาจจะเคยได้ยินผู้ชายส่วนใหญ่ออกตัวกันว่าไม่ค่อยชอบของหวานสักเท่าไหร่ หากไม่ได้มีใครชวนกิน ก็ไม่ค่อยได้กินหรือกินแค่ไม่กี่คำ จึงเป็นการตัดแคลอรี่ส่วนเกินจากของหวานออกไป แต่สำหรับผู้หญิงแล้วนั้น สาวๆกับของหวานมักเป็นของคู่กันเสมอ แทบจะต้องกินของหวานตบท้ายตลอดทุกมื้อ นี่ยังไม่รวมไปถึงการนัดกันไปถ่ายรูปตามคาเฟ่สวยๆแล้วก็สั่งของหวานมากินกับเพื่อนๆด้วยนะ - ปล่อยให้ปากว่างเป็นไม่ได้
ผู้ชายจะกินเฉพาะเวลาหิวหรือเกิดอยากกินขึ้นมาเท่านั้น ส่วนผู้หญิง มักจะรู้สึกเหงาปาก อยากหาอะไรกินอยู่ตลอดเวลา หากไม่ได้กินจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากกินอะไร การกินโดยไม่รู้ว่าตัวเองอยากกินอะไรนั้น จะทำให้ได้รับแคลอรี่ส่วนเกินโดยไม่รู้ตัว - นิสัยกินจุบจิบ
ผู้ชายไม่ค่อยมีนิสัยการกินจุบจิบเท่าไหร่นัก แต่ถ้าจะกินสักทีก็จะกินเยอะมาก ในทางกลับกัน สาวๆสามารถกินจุบจิบได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น ขนม ของหวาน ชานม ต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีแคลอรี่มหาศาลมาก เป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนักอย่างยิ่ง - อารมณ์ไหนก็กิน
ไม่ว่าจะทุกข์ สุข เศร้า เหงา เครียด กังวล หงุดหงิดก็ล้วนแต่ทำให้เกิดความอยากอาหาร แถมยังอยากกินแต่อาหารที่มีพลังงานสูง อุดมไปด้วยแป้ง น้ำตาล ไขมัน แล้วก็หวังว่าอาหารเหล่านั้นจะช่วยบรรเทาอารมณ์เหล่านั้นลงไปได้ อาการเหล่านี้จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ถึงมันจะพอช่วยได้บ้าง แต่ก็ต้องแลกมากับแคลอรี่จำนวนมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ - กินตามกระแสโซเชียล
ในยุคที่ร้านอาหารและคาเฟ่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เมื่อไหร่ที่มีกระแสร้านอาหารใหม่ๆ หรือร้านที่ได้รับความนิยมในโลกโซเขียลไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวาน ผู้หญิงมักมีแนวโน้มไปกินตามมากกว่าผู้ชาย เพราะกลัวว่าจะตกเทรนด์ คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง ไม่มีรูปไว้อัพลงโซเชียล ยิ่งสั่งมาเยอะ รูปก็ยิ่งดูอลังการและนั่นทำให้แคลอรี่พุ่งกระฉูด - อดอาหารแทนการออกกำลังกาย
ผู้ชายจะเน้นไปที่การออกกำลังกายอย่างจริงจังมากกว่าการอดอาหาร ต่างจากผู้หญิงที่คิดว่า การอดอาหารน่าจะช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่า จึงให้ความสำคัญกับการอดอาหารมากกว่าที่จะไปออกกำลังกาย ทำให้น้ำหนักไม่ค่อยคงที่ เดี๋ยวผอม เดี๋ยวอ้วน หรือที่เรียกกันว่า โยโย่ นั่นเอง - ความเข้าใจผิดๆเรื่องการลดน้ำหนัก
ผู้ชายมักจะมีความเข้าใจในการลดน้ำหนักและออกกำลังกายมากกว่าผู้หญิง โดยหนึ่งในเรื่องที่ผู้หญิงเข้าใจผิดเยอะที่สุด คือ การเล่นเวท จะทำให้ดูล่ำ กล้ามใหญ่ เหมือนผู้ชาย แต่ความจริงนั้นการเล่นเวทเป็นวิธีที่ดีมากในการลดน้ำหนัก สำหรับผู้หญิงแล้วการเล่นเวทจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้เร็ว เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้หญิงมีหุ่นสมส่วน เพรียวกระชับ มีสัดส่วนที่เว้าโค้งมากขึ้น โดยที่มีขนาดตัวเท่าเดิม ด้วยลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายทำให้เป็นเรื่องยากมากๆที่ผู้หญิงจะเล่นเวทแล้วมีกล้ามขึ้นเป็นมัดๆเหมือนผู้ชายได้
ถึงแม้ว่าจะมีหลายๆปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อสาวๆในการลดน้ำหนัก แต่ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ไป ยังมีผลวิจัยชี้ว่า หากทำตามแผนการกินและออกกำลังกายที่เหมาะสมได้อย่างต่อเนื่องเกิน 6 เดือนขึ้นไป อัตราการลดน้ำหนักของผู้ชายและผู้หญิงจะเท่ากัน ถึงแม้ว่าช่วง 2 เดือนแรกผู้ชายอาจจะทำได้ดีกว่า นั่นเป็นข้อสรุปแล้วว่าการที่คนเราจะลดน้ำหนักสำเร็จได้นั้น ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน มีวินัย ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากทำได้ครบตามนี้รับประกันเลยได้เลยว่า ลดน้ำหนักได้อย่างแน่นอน
รวมทริคลดน้ำหนักง่ายๆ แบบนี้ก็ได้หรอ?
ลดน้ำหนัก หุ่นเป๊ะ ผอมเพรียวใน 1 เดือน
อยากลดน้ำหนัก ไม่มีเวลาก็ลดได้นะรู้ยัง!!