10 ประโยชน์เพื่อสุขภาพของกระเทียม ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
สุขภาพ 22 ก.ย 67

กระเทียมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium Sativum เป็นพืชสมุนไพรไทยชนิดหนึ่ง มักถูกจัดอยู่ในประเภทเครื่องเทศ มีลักษณะกลมแป้น
ประกอบด้วยกลีบที่ห่อหุ้มด้วยเปลือกสีขาว คนไทยนิยมนำมาใช้ทำอาหาร เนื่องจากช่วยดับกลิ่นคาวและเพิ่มรสชาติให้เมนูอาหารมีความเข้มข้นยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของกระเทียมมีมากมาย โดยเฉพาะสรรพคุณทางยาที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ถือเป็นสมุนไพรคู่ครัวสารพัดประโยชน์ที่ทุกคนเข้าถึงได้
10 ประโยชน์เพื่อสุขภาพของกระเทียม ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
1. แก้ปัญหาผมหลุดร่วง
ปัญหาผมหลุดร่วงคงเป็นปัญหากวนใจใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะสาวผมยาว และผมที่ผ่านการทำเคมีต่าง ๆ เช่น การดัด ย้อม หรือยืด
รู้ไหมว่า กระเทียมช่วยยับยั้งปัญหาเหล่านี้ได้ เพียงแค่ฝานกระเทียมเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำมานวดศีรษะ หรือจะผสมลงในออยล์แล้วนำมานวดศีรษะก็ได้เช่นกัน
เพราะในกระเทียมมีอัลซิลิน (allicin) และซัลเฟอร์ (sulfur) สูง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดปัญหาผมหลุดร่วงนั่นเอง
2. รักษาสิว
กระเทียมถือเป็นยารักษาสิวจากธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก เพราะมีแอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อยู่หมัด
เราจึงสามารถนำมาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ โดยฝานกระเทียมสดบาง ๆ แล้วนำมาประคบลงบนสิวเบา ๆ ทิ้งไว้สักพัก
แล้วล้างออกด้วยนำสะอาด เท่านี้สิวกวนใจก็จะอันตรธานหายไปอย่างแน่นอน
3. ป้องกันและรักษาโรคหวัด
ถ้าเรามีสารแอนตี้ออกซิแดนท์พอเพียงในระบบภูมิคุ้มกัน เราก็จะป่วยได้ยาก ดังนั้นคงจะดีไม่น้อยหากเราจะเพิ่มสารแอนตี้ออกซิแดนท์ให้ร่างกายมีกำลังไปต่อสู้กับโรคต่าง ๆ
ด้วยการรับประทานกระเทียมเป็นประจำ แต่หากโรคหวัดเข้ามาคุกคามเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถไล่หวัดได้ง่าย ๆ ด้วยการหั่นกระเทียมเป็นแว่น
แช่ในน้ำร้อนประมาณ 2-3 นาที แล้วกรองเอากากออก จิบเป็นชากระเทียมอุ่น ๆ ก็ดี หรือถ้าทนกลิ่นไม่ไหว จะเติมน้ำผึ้งหรือน้ำขิงเข้าไปสักหน่อยก็ได้จ้า
4. บรรเทาอาการอักเสบจากโรคสะเก็ดเงิน
เมื่อกระเทียมมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ดังนั้นจึงช่วยบรรเทาอาการอักเสบจากผื่นแดงได้ดี โดยเฉพาะผื่นแดงที่เกิดจากโรคสะเก็ดเงิน
ให้ทาน้ำมันกระเทียมบริเวณที่เป็นแผล เพื่อให้สะเก็ดหลุดไป และลดผื่นแดงบนผิวหนังก็ได้
5. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
ผลการศึกษาจาก Nutritionist Cynthia Sass ที่ทำการศึกษากับหนูที่กินกระเทียมพบว่า หนูที่กินกระเทียมมีน้ำหนักและการสะสมของไขมันลดลง
ฉะนั้นก็พยายามกินกระเทียมที่ผสมอยู่ในอาหารกันเยอะ ๆ หรือสำหรับคนที่ทนกลิ่นไม่ได้จริง ๆ ก็เลือกกินอาหารเสริมอย่างเช่น กระเทียมอัดเม็ดก็ได้
6. ถอนเสี้ยน
เสี้ยนที่ตำเท้าหรือมือเราให้เจ็บแปลบ สามารถกำจัดได้ง่าย ๆ ด้วยการแปะกระเทียมฝานบาง ๆ แล้วพันทับด้วยผ้าพันแผล วิธีนี้เป็นวิธีธรรมชาติที่ใช้กันมายาวนาน และได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีที่ได้ผลจริงด้วยค่ะ
7. กำจัดกลิ่นเท้า
ปัญหากลิ่นเท้าเกิดจากการที่เท้าเจอความอับชื้น ทำให้เกิดเชื้อรา ตามมาด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์และอาการคัน แต่เราสามารถแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ
ด้วยการแช่เท้าลงในน้ำอุ่นผสมกระเทียมบด ทิ้งไว้สักพัก กลิ่นไม่พึงประสงค์และอาการคันก็จะหายไป เพราะในกระเทียมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรานั่นเองจ้า
8. ไล่ยุงและแมลงสัตว์กัดต่อย
แม้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่ฟันธงว่ากระเทียมจะสามารถไล่ยุงและแมลงได้ แต่ก็มีผลการวิจัยจากประเทศอินเดียที่พบว่า คนที่ทากระเทียมลงบนแขนขา
จะโดนยุงและแมลงสัตว์กัดต่อยทุกชนิดรบกวนน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ทา เขาเลยแนะนำให้ทำยากันยุงง่าย ๆ ด้วยการผสมน้ำมันกระเทียม ปิโตรเลียมเจล
และขี้ผึ้งเข้าด้วยกัน หรือจะทากระเทียมสด ๆ ลงบนแขนขาเพื่อป้องกันยุงก็แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ
9. รักษาโรคส่าไข้
โรคส่าไข้เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Human Herpesvirus Type 6(HHV 6) ซึ่งอาการของโรคจะคล้ายคลึงกับโรคหัด หรืออีสุกอีใส เพราะจะเกิดตุ่มแดง
และแผลอักเสบบนร่างกาย ซึ่งวิธีรักษาด้วยธรรมชาติที่เห็นผลก็คือ นำกระเทียมบดมาประคบลงบนแผลโดยตรง เพื่อรักษาอาการอักเสบและลดอาการบวม
ร่วมกับการรับประทานอาหารเสริมจากสารสกัดกระเทียม เช่น กระเทียมอัดเม็ด หรือน้ำมันกระเทียมก็จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
10. ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง
กระเทียมสามารถช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่นวดยาได้ดีมากขึ้นนั่นเอง
วิธีทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิซินในกระเทียมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จะต้องผ่านการหั่น สับ ทุบ หรือบด จึงควรหั่น สับ ทุบ หรือบดกระเทียมก่อนนำมาปรุงอาหาร 5-10 นาที
โดยสารอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน เพราะฉะนั้นจะทานสด หรือจะปรุงอาหารในน้ำมันก็ไม่เป็นไร
ปริมาณกระเทียมที่ควรทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ราว ๆ 4 กรัมต่อวัน แต่ไม่ควรทานมากเกินกว่านี้ติดต่อกันเกิน 10 วัน เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงภาวะเลือดแข็งตัวช้า หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดบาดแผล
วิธีเลือกซื้อกระเทียมมาปรุงอาหาร
ควรเลือกกระเทียมที่หัวแน่น ๆ ไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น และหากอยากได้รสชาติของกระเทียมแบบแรง ๆ ควรเลือกกระเทียมหัวเล็ก ๆ
ข้อควรระวังในการรับประทานกระเทียม
กระเทียมนั้นมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังคงมีกลุ่มคนบางกลุ่ม ควรระวังในการรับประทาน โดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร การรับประทานกระเทียมในช่วงการตั้งครรภ์ค่อนข้างปลอดภัย หากรับประทานเป็นอาหารในปริมาณที่เหมาะสม
แต่อาจไม่ปลอดภัย หากรับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในช่วงการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- เด็ก การรับประทานกระเทียมในปริมาณที่เหมาะสมและในระยะสั้น ๆ อาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่การใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนัง อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อน และระคายเคืองต่อเด็กได้
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร หรือการย่อยอาหาร อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ระบบทางเดินอาหารได้
- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจทำให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำลงมากกว่าปกติ
- ผู้ที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เลือดออกมาก และส่งผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด และผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติไม่ควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะกระเทียมสด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค เช่น ไอโซไนอะซิด เพราะกระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกาย และส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของยา รวมถึงไม่ควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยา ต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคเอดส์
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านเกล็ดเลือด