เวย์โปรตีนคุณภาพสูง ยอดขายอันดับ 1 ของประเทศ | ติดตามเราบน

ภาษาไทย | English สมัครสมาชิก | เข้าสู่ระบบ

วิตามิน และแร่ธาตุที่เหมาะทุกช่วงวัย

สุขภาพ 7 มี.ค 65



ร่างกายแต่ละคนมีความต้องการวิตามิน หรือแร่ธาตุบางชนิดที่แตกต่างกัน และด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ การรับประทานอาหารที่ไม่หลากหลาย จะทำให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะวิตามินที่ร่างกายต้องการ


อาหารเสริม เป็นตัวเลือกที่หลายคนนิยม เพื่อทานเสริมวิตามินที่ขาดหายไป แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเรารู้ว่าร่างกายขาดวิตามิน หรือแร่ธาตุตัวไหนบ้าง จะได้เสริมวิตามินนั้นอย่างถูกต้อง และจะได้รับในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อลดอันตรายจากการได้รับประทานเกินขนาด หรือน้อยจนเกินไป



วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นในแต่ละช่วงวัย

  • ช่วงอายุน้อยกว่า 20 ปี

กำลังเป็นวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต จึงต้องการวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก ธาตุเหล็กช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโลหิตจาง โอเมก้า-3 ช่วยเสริมสมาธิและความจำ เป็นต้น

  • ช่วงอายุ 20 – 40 ปี หรือวัยทำงาน

ในช่วงวัยนี้ อาจเหนื่อยล้าจากการทำงาน ควรรับประทานวิตามินที่ช่วยเพิ่มพลังงาน บำรุงระบบประสาท เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เช่น วิตามินบีรวม วิตามินซี โคเอนไซม์คิวเทน เป็นต้น

  • ช่วงอายุ 40 ปี ขึ้นไป

เป็นวัยร่างกายเริ่มเสื่อมลง ไม่ว่าจะเป็น กระดูกเริ่มบางลง ผิวหนังเริ่มเหี่ยว การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เริ่มไม่ดีเหมือนเดิม จึงต้องการสารอาหารที่เพิ่มขึ้น เช่น วิตามินบีรวม วิตามินซี วิตามินดี แคลเซียม โคเอนไซม์คิวเทน เป็นต้น


ตรวจร่างกายหาวิตามินและแร่ธาตุที่ขาด

ในทางการแพทย์สามารถวัดระดับของวิตามิน แร่ธาตุ สารอาหารในเลือดได้ เช่น Vitamin B, C, D, Calcium, Zinc, Coenzyme Q10, Lycopene เป็นต้น ว่าแต่ละตัวมีระดับเท่าไร ดีอยู่แล้วหรือไม่เพียงพอ รวมถึงระดับสารอนุมูลอิสระ และสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อที่จะวางแผนและจัดวิตามิน สารอาหารเหล่านั้นให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลตามผลเลือดที่ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าคุณจะได้รับอันตรายจากการรับประทานเกินขนาด มีการสะสมจนเกิดพิษ หรือปริมาณน้อยเกินไปจนไม่เกิดผล



ผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุดีต่อร่างกาย

1. ผักคะน้า

รับประทานได้ตั้งแต่ขนาดเล็กจนกระทั่งออกดอก กับคุณสมบัติที่ช่วยต้านการเกิดมะเร็ง ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดี และกำจัดสารพิษในร่างกาย ผักคะน้าสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด แต่ควรล้างให้สะอาดก่อน เพื่อช่วยลดการตกค้างของสารเคมีก่อนทุกครั้ง

  • วิตามินซี 147 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม


2. พริกหวาน

พริกหวานสามารถกินได้ทั้งแบบสด และปรุงสุกในเมนูอาหาร โดยปกติแล้วจะมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะมีสีแดง แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นใหม่ ทำให้พริกหวานมีทั้งสีแดง สีเหลือง สีม่วง ที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 เหล็กและโพแทสเซียม โดยพริกหวานผลที่แก่แล้วจะมีสีแดง เหลือง ส้ม หรือม่วงจะให้วิตามินซีเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

  • วิตามินซี 80.4 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม


3. ผักปวยเล้ง

ผักปวยเล้งอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น เหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม และยังมีกรดโฟลิกที่เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในการสร้างสารซีโรโทนินในระบบเซลล์ประสาท ซึ่งทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย และนอนหลับได้สนิท

  • วิตามินซี 120 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม


4. ใบมะรุม

มะรุมเป็นพืชพื้นบ้านที่นิยมนำมาประกอบอาหารหลายอย่าง ซื้อทุกส่วนของต้นมะรุมสามารถกินได้ มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ลดไข้ ช่วยให้นอนหลับสบาย ป้องกันแผลในกระเพราะอาหาร และช่วยต้านอนุมูลอิสระ

  • วิตามินซี 141 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม


5. บรอกโคลี

อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารหลายชนิด ในส่วนดอกและลำต้น การกินควรกินทั้งส่วนดอกและลำต้นร่วมกัน จะช่วยต้านโรคมะเร็งได้ บรอกโคลีเป็นผักที่ไม่ควรนำไปปรุงอาหารด้วยความร้อนที่นานเกินไป เพราะจะทำให้เสียวิตามิน และคุณค่าทางอาหาร

  • วิตามินซี 89.2 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม


การได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างเหมาะสม ช่วยฟื้นบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ทั้งยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย แต่ก่อนเลือกรับประทานวิตามินและแร่ธาตุควรตรวจร่างกาย และศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจด้วยตนเอง เพราะทุกอย่างมีทั้งคุณและโทษ


นอนกรน เสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
เคล็ดลับปรับกิจวัตรประจำวัน เปลี่ยนสุขภาพพนักงานออฟฟิศให้ดีขึ้น
ไขข้อสงสัยอาหารเสริม “WHEYWWL” ตัวช่วยดูแลสุขภาพ

สนใจรับเคล็ดลับลดน้ำหนัก เพิ่มกล้าม เพิ่มเติมได้ที่

Facebook : WHEYWWL

Instagram : wheywwl

Twitter : WheyWWL Official

Youtube : WHEYWWL Official