ชาบู เมนูโปรดเสี่ยงโรค ต้องรู้วิธีกิน!!

ชาบู เป็นเมนูอาหารที่หลายคนชื่นชอบมาก กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ เพราะในเมนูชาบูเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆ ผักสดมากมาย พร้อมกับน้ำซุปที่เคี่ยวจากการปรุง ตบท้ายด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ดในแต่ละเจ้า

ชาบู เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันและโซเดียมที่ค่อนข้างสูง ซึ่งไขมันเหล่านี้มีผลต่อร่างกายทำให้เกิดโรคแบบเรื้อรังได้ เช่น โรคหัวใจ และการกินอาหารที่มีโซเดียมในปริมาณมากเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับความดันโลหิตและเป็นอันตรายต่อไตอีกด้วย

น้ำซุปจากอาหารประเภทหม้อไฟนั่นมีโซเดียมเกินกว่าค่าเฉลี่ยรายวันที่เหมาะกับเราไปในปริมาณที่สูง ซึ่งปกติแล้วปริมาณโซเดียมปกติที่เราควรได้รับต่อวันคือ 2,000 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา โดยจากภาพดังกล่าวจะเห็นได้ว่าน้ำซุปแบบเผ็ดให้โซเดียมส่วนเกินต่ำที่สุดแต่เต็มไปด้วยไขมันไม่ว่าจากน้ำกะทิหรือแม้แต่ไขมันจากหมู

ถึงแม้ชาบูเต็มไปด้วยไขมันและโซเดียม เราก็ควรกินอย่างมีสติ อาจจะลดความเสี่ยงจากการรับไขมันและโซเดียมที่มากเกินไป โดยเลือกน้ำซุปรสอ่อน เน้นอาหารแคลอรี่ต่ำ เช่น ผัก เต้าหู้ เนื้อสัตว์ในส่วนที่มีไขมันน้อยอย่างไก่หรือปลา ลดปริมาณอาหารเครื่องเคียงที่มาจากการทอดและแปรรูปอย่างไส้กรอกต่าง ๆ

เคล็ดลับ “กินชาบู” อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจ

เลือกสั่งวัตถุดิบครบถ้วน 5 หมู่ ทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ไข่ เลือกข้าวไม่ขัดสี หรือวุ้นเส้น เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลายอย่างครบถ้วน
เนื้อสัตว์ ควรมีทั้งหมู ไก่ ปลา กุ้ง ไข่ เพื่อกระจายให้สารอาหาร เพราะเนื้อสัตว์แต่ละชนิดจะมีแร่ธาตุ วิตามินและปริมาณไขมันแตกต่างกัน เลี่ยงเนื้อติดมัน แต่ก็ควรคุมปริมาณ โดยกินสลับกับผัก หรือเนื้อสัตว์ประเภทอื่น
สั่งผักสดหลายๆ ชนิด เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว ข้าวโพดอ่อน กะหล่ำปลี และต้องต้มให้สุกก่อนทุกครั้ง เพื่อฆ่าเชื้อที่อาจปนเปื้อนมา
เลือกน้ำซุปรสอ่อน หลีกเลี่ยงการใส่ซุปก้อนสำเร็จเพิ่ม ซึ่งมีปริมาณโซเดียมสูง และควรซดน้ำซุปน้อยๆ เพื่อลดปริมาณโซเดียมที่จะได้รับ
น้ำจิ้มควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ จุ่มเนื้อในน้ำจิ้มพอรับรส และตบท้ายด้วยผลไม้สด

ทั้งนี้ ควรต้มทุกอย่างให้สุก กินผักแทรกๆ สลับเนื้อบ้าง ที่สำคัญตักแยกเนื้อสัตว์ ผัก น้ำซุป ใส่ชามแยกกินของใครของมัน เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการจากผัก แทนการแย่งกันตักเนื้อสัตว์กินกันอย่างเดียว