เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา จากวิตามินเอ

ใน 1 วันควรรับประทาน วิตามินเอจากผัก-ผลไม้ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย วิตามินเอจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ บำรุงสายตา โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุจำเป็นต้องการผักผลไม้ให้มากๆ

วิตามินเอ ช่วยบำรุงและเสริมสร้างอะไรในร่างกายบ้าง!?

เสริมระบบภูมิคุ้มกัน และอาจช่วยรักษาโรคติดเชื้อได้หลายชนิด เช่น วัณโรค โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคติดเชื้อในเด็ก
บำรุงสายตา ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจุดภาพชัดเสื่อมในผู้สูงอายุ
ส่งเสริมการทำงานของระบบสืบพันธุ์ของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทำให้อสุจิและไข่แข็งแรง พร้อมทั้งช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโต และพัฒนาการด้านสายตาของตัวอ่อนในครรภ์
ช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งช่องจมูก มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ผัก-ผลไม้ที่มีวิตามินเอสูง

ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ปวยเล้ง บรอกโคลี
ผักสีส้ม สีเหลือง เช่น แคร์รอต มันเทศ ฟักทอง และผักตระกูลน้ำเต้า
มะเขือเทศ
พริกหวานสีแดง
แคนตาลูป
มะม่วง
ตับวัว
น้ำมันปลา
นม
ไข่

หากร่างกายขาดวิตามินเอ จะเป็นอย่างไร!?

วิตามินเอ มีบทบาทสำคัญต่อระบบการมองเห็น การเจริญเติบโต การสร้างภูมิคุ้มกันโรค รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุผิวต่าง ๆ แหล่งอาหารที่มีวิตามินเอสูงได้แก่ ตับ ไข่แดง นม เนื้อสัตว์ ผักใบเขียวเข้ม ผักและผลไม้สีเหลือง เมื่อใดที่ร่างกายขาดวิตามินเอ หรือได้รับวิตามินเอไม่เพียงพอ อาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้

มองไม่เห็นในที่แสงน้อย หรือมีอาการตาบอดสีในเวลากลางคืน
เยื่อบุตาแห้ง หรืออาการตาแห้ง
เสี่ยงมีอาการตาวุ้น พบได้หลังระยะตาแห้งไปแล้ว มีลักษณะตาขุ่น เหลว เนื่องจากดวงตาได้รับการติดเชื้อหรือติดเชื้อได้ง่าย และไวกว่าอาการตาแห้ง
เสี่ยงโรคผิวหนัง เนื่องจากวิตามินเอมีส่วนสำคัญในการรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง การขาดวิตามินเอจึงทำให้ผิวพรรณขาดความชุ่มชื้น และหยาบกร้านได้ จนอาจนำไปสู่โรคทางผิวหนัง เช่น สิว หรือการติดเชื้อทางผิวหนัง
เสี่ยงภูมิต้านทานต่ำ เสี่ยงโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และเสี่ยงต่อเกิดการอักเสบในโพรงจมูก ช่องปาก คอ และที่ต่อมน้ำลาย ทั้งยังส่งผลให้ติดเชื้อไวรัส ทำให้เป็นหวัดง่ายอีกด้วย

ใน 1 วันควรรับประทานวิตามินเอที่เท่าไหร่!?

เราควรทานวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยในเรื่องภูมิต้านทานร่างกายและการบำรุงผิวพรรณ
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหวัดหรือภูมิแพ้บ่อย ควรทานวิตามินซี 2,000 มิลลิกรัมหรือมากกว่านั้น

ทั้งนี้ ปริมาณวิตามินเอที่เหมาะสมจากอาหารอาจไม่ได้ระบุอย่างแน่ชัด ควรทานอาหารที่มีวิตามินเอในชีวิตประจำวันอยู่เรื่อย ๆ วันละนิดไม่ให้ขาด เพียงเท่านี้คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อวิตามินเอในรูปแบบของอาหารเสริมมารับประทานเพิ่มแล้วล่ะ